เพื่อเสนอข้อแนะนำต่อพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน
ขอสรุปประเด็นที่ผ่านมาพอสังเขปนะคะ
1. พรรคฝ่ายค้านหลังจากไม่สามารถยับยั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ตามกระบวนการรัฐสภาฯ ได้ตัดสินใจจัดชุมนุมประท้วงนอกสภาฯ
2. นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ตัดสินใจพร้อมกรรมการพรรคอีกจำนวนหนึ่ง
ลาออกจากการเป็นกรรมการพรรค เพื่อเป็นแกนนำเคลื่อนไหวการชุมนุม
คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้อย่างอิสระ
3.
การคัดค้าน พ.ร.บ.อัปยศสามารถจุดกระแสสังคมได้อย่างกว้างขวาง
อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยประชาชนทุกภาคส่วนในสังคม(ไม่มีเว้น)
ได้พากันออกมาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันคัดค้านอย่างพร้อมเพรียงเต็มพลัง
4.
รัฐบาลยอมถอยเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ากระแสคัดค้านของมวลมหาชน
เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างรุนแรง
5.
รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี หลังจากเกิดวิกฤตศรัทธาความน่าเชื่อถือไปแล้ว
จากการสนับสนุน พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้หันกลับมาถอดชนวนระเบิดด้วยการ
ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชนจะไม่นำ พ.ร.บ.มาพิจารณาหลังวุฒิสภาฯ
คว่ำ พ.ร.บ.ฉบับนี้
รวมถึงการให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทำหนังสือเป็น
สัญญาประชาคมที่จะไม่นำ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าพิจารณา
ตลอดอายุของรัฐบาลชุดนี้
6. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมคัดค้านราชดำเนิน
จึงมีความชอบธรรม ที่จะได้รับการยกย่องชมเชยจากผลสำเร็จของงาน
ตามภารกิจที่ได้ปวารณาตนไว้
ถือได้ว่า นายสุเทพและ สส.ประชาธิปัตย์ได้ปฏิบัติภารกิจที่ยุ่งยากสุ่มเสี่ยง
จนลุล่วงประสบผลสำเร็จอย่างงดงามน่ายกย่องชื่นชมแล้ว
ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่ต้องการให้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
มีความต่อเนื่อง เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาให้แข็งแกร่งต่อไป
ขอเสนอแนะให้แกนนำผู้ชุมนุมราชดำเนินยุติการชุมนุมไว้แต่เพียงนี้
และร่วมกันเฝ้าจับตาพฤติกรรมรัฐบาลและ สส.พรรคเพื่อไทยว่าจะปฏิบัติ
ตามสัญญาประชาคมที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดหรือไม่
ถ้าเกิดการบิดพลิ้วต่อสัญญาประชาคม มวลมหาประชาชนจะต้องร่วมกัน
ออกมาขับไล่ เนรเทศ นักการเมืองผู้ไร้สัจจะซ้ำซากให้เห็นเป็นประจักษ์ต่อไป
แต่ในวันนี้สิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นำ สส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก
ถึง 8 คน รวมเป็น 9 ถ้ารวมนายสุเทพเอง ทำให้เกิดความสงสัย ไม่เข้าใจ
ในกระบวนการคิดของแกนนำผู้ชุมนุมในครั้งนี้
ด้วยจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ ขอแสดงการคัดค้านการเคลื่อนไหวของ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะวันนี้ (12 พ.ย.2556) ไว้ณ.ที่นี้
ท้ายสุดนี้ขอให้ทุกท่านทบทวนบทบาทและแก้ไขสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว
โดยไม่ชักช้า ก่อนที่ความสูญเสียจะเกิดกับชาติและประชาชนโดยรวม
ที่สำคัญ อาจจะทำให้เกิดการชะงักงันของการพัฒนาการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยของไทยอีกด้วย
ด้วยความปราถนาดี
จากประชาชนเต็มขั้นคนเดิม
๐๐๐๐๐ จดหมายเปิดผนึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ ๐๐๐๐๐
ขอสรุปประเด็นที่ผ่านมาพอสังเขปนะคะ
1. พรรคฝ่ายค้านหลังจากไม่สามารถยับยั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ตามกระบวนการรัฐสภาฯ ได้ตัดสินใจจัดชุมนุมประท้วงนอกสภาฯ
2. นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ตัดสินใจพร้อมกรรมการพรรคอีกจำนวนหนึ่ง
ลาออกจากการเป็นกรรมการพรรค เพื่อเป็นแกนนำเคลื่อนไหวการชุมนุม
คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้อย่างอิสระ
3. การคัดค้าน พ.ร.บ.อัปยศสามารถจุดกระแสสังคมได้อย่างกว้างขวาง
อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยประชาชนทุกภาคส่วนในสังคม(ไม่มีเว้น)
ได้พากันออกมาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันคัดค้านอย่างพร้อมเพรียงเต็มพลัง
4. รัฐบาลยอมถอยเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ากระแสคัดค้านของมวลมหาชน
เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างรุนแรง
5. รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี หลังจากเกิดวิกฤตศรัทธาความน่าเชื่อถือไปแล้ว
จากการสนับสนุน พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้หันกลับมาถอดชนวนระเบิดด้วยการ
ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชนจะไม่นำ พ.ร.บ.มาพิจารณาหลังวุฒิสภาฯ
คว่ำ พ.ร.บ.ฉบับนี้
รวมถึงการให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทำหนังสือเป็น
สัญญาประชาคมที่จะไม่นำ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าพิจารณา
ตลอดอายุของรัฐบาลชุดนี้
6. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมคัดค้านราชดำเนิน
จึงมีความชอบธรรม ที่จะได้รับการยกย่องชมเชยจากผลสำเร็จของงาน
ตามภารกิจที่ได้ปวารณาตนไว้
ถือได้ว่า นายสุเทพและ สส.ประชาธิปัตย์ได้ปฏิบัติภารกิจที่ยุ่งยากสุ่มเสี่ยง
จนลุล่วงประสบผลสำเร็จอย่างงดงามน่ายกย่องชื่นชมแล้ว
ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่ต้องการให้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
มีความต่อเนื่อง เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาให้แข็งแกร่งต่อไป
ขอเสนอแนะให้แกนนำผู้ชุมนุมราชดำเนินยุติการชุมนุมไว้แต่เพียงนี้
และร่วมกันเฝ้าจับตาพฤติกรรมรัฐบาลและ สส.พรรคเพื่อไทยว่าจะปฏิบัติ
ตามสัญญาประชาคมที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดหรือไม่
ถ้าเกิดการบิดพลิ้วต่อสัญญาประชาคม มวลมหาประชาชนจะต้องร่วมกัน
ออกมาขับไล่ เนรเทศ นักการเมืองผู้ไร้สัจจะซ้ำซากให้เห็นเป็นประจักษ์ต่อไป
แต่ในวันนี้สิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นำ สส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก
ถึง 8 คน รวมเป็น 9 ถ้ารวมนายสุเทพเอง ทำให้เกิดความสงสัย ไม่เข้าใจ
ในกระบวนการคิดของแกนนำผู้ชุมนุมในครั้งนี้
ด้วยจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ ขอแสดงการคัดค้านการเคลื่อนไหวของ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะวันนี้ (12 พ.ย.2556) ไว้ณ.ที่นี้
ท้ายสุดนี้ขอให้ทุกท่านทบทวนบทบาทและแก้ไขสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว
โดยไม่ชักช้า ก่อนที่ความสูญเสียจะเกิดกับชาติและประชาชนโดยรวม
ที่สำคัญ อาจจะทำให้เกิดการชะงักงันของการพัฒนาการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยของไทยอีกด้วย
ด้วยความปราถนาดี
จากประชาชนเต็มขั้นคนเดิม